ตัวประมวลผลกราฟิกส์ภายนอก ธันเดอร์โบลต์ 3 รุ่นใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพให้แม็กบุ๊กโปรเทียบเท่ากับเครื่องตั้งโต๊ะ

ฟรีมอนต์, แคลิฟอร์เนีย - 12 กรกฎาคม 2018 - แบล็คเมจิกดีไซน์ เปิดตัว Blackmagic eGPU ตัวประมวลผลกราฟิกประสิทธิภาพสูงสำหรับซอฟต์แวร์สร้างสรรค์มืออาชีพเช่น DaVinci Resolve เกม 3D และ VR โดยออกแบบร่วมกับ บริษัทแอปเปิล ให้ใช้ชิป Radeon Pro 580 มีช่อง Thunderbolt 3 2 ช่อง HDMI 2.0 1 ช่อง จ่ายกำลังไฟ 85W และการเชื่อมต่อทาง USB 3.1 จำนวน 4 ช่อง การออกแบบที่ผสมผสานในการนำการประมวลผลกราฟิกส์ระดับเครื่องตั้งโต๊ะชั้นสุดยอดให้กับ MacBook Pro ในการทำงานวิดีโอระดับมืออาชีพ เกม 3D และ VR อันทรงพลัง Blackmagic eGPU นับเป็นเจ้าแรกที่สนับสนุนการแสดงผลทางช่อง Thunderbolt 3
Blackmagic eGPU ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ ช่างปรับแก้สีภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ด และศิลปินสร้างเอฟเฟ็กต์ทางภาพที่ต้องการเครื่องมือที่คล่องตัวแต่มีพลังประมวลผลกราฟิกส์ระดับเครื่องตั้งโต๊ะให้กับ MacBook Pro ของตน Blackmagic eGPU มีความยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงเสียบสายผ่าน Thunderbolt 3 ผู้ใช้ก็จะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงประสิทธิภาพของกราฟิกและการเร่งความเร็วด้านการคำนวณ มันสมบูรณ์มากในการเร่งการทำงานสร้างสรรค์มืออาชีพ รวมทั้งงานตัดต่อวิดีโอ การแก้ไขสี และ ทำเอฟเฟ็กต์ภาพด้วย DaVinci Resolve Blackmagic eGPU ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเกม 3D และ VR รุ่นล่าสุด ให้ดูสมจริงกว่าที่เคย นั่นหมายความว่าลูกค้าจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้น เล่นที่อัตรากรอบภาพสูงกว่า แสงสีและพื้นผิวที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อประสบการณ์ที่ดื่มด่ำอย่างแท้จริงแม้จะใช้งานบนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปก็ตาม
ด้วยการออกแบบที่งามสง่า ตัวถังอลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียว ระบบระบายความร้อนที่ไม่เหมือนใคร ให้การไหลเวียนอากาศที่สมดุลและกระจายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นแต่ทำงานได้อย่างเงียบสนิทเพียง18dB ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับงานผลิตวิดีโอและสภาวะแวดล้อมด้านวิศวกรรมเสียง Blackmagic eGPU ใช้โปรเซสเซอร์กราฟิก Radeon Pro 580 ที่ให้กราฟิกที่สวยงามและประสิทธิภาพการคำนวณที่น่าทึ่ง หน่วยความจำ GDDR5 ความจุ 8GB แบบ 256 บิต หน่วยคำนวณแบบแยกจากกันจำนวน 36 หน่วย ให้กำลังประมวลผลสูงสุด 5.5 teraflops ชิป Radeon Pro 580 สามารถวาดภาพขนาดใหญ่ 38.4 พันล้านพิกเซลต่อวินาที! นอกจากนี้ Blackmagic eGPU ยังสนับสนุนเทคโนโลยี Metal Graphics จากแอปเปิล ที่ทำให้การเข้าถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกใกล้เคียงกับการเข้าถึงแบบตรงเพื่อประสิทธิภาพในการคำนวณและสร้างภาพกราฟิกทำที่สูงสุดกับเกมและโปรแกรมแอพพลิเคชัน
|
Read more...
|
|
EDIUS X Pro เวอร์ชันสำหรับงานส่วนตัว (Home Edition) มาแล้ว

Grass Valley ได้เติมเต็มความปรารถนาของผู้ใช้งานตัดต่อส่วนตัวจำนวนมาก โดยออก EDIUS X Pro Home Edition ที่มีฟังก์ชันการทำงานเต็มรูปแบบของโปรแกรมตัดต่อ EDIUS X Pro ที่ได้รับรางวัล ลูกค้าจะประหยัดได้กว่า 50% จากราคาเวอร์ชันเต็มของ EDIUS X Pro ปกติ - Home Edition จำหน่ายในราคาเพียง 9800 บาท เท่านั้น
"มีข้อจำกัดเพียง 3 ประการเท่านั้น" Michael Lehmann-Horn ซีอีโอของ magic multi media GmbH ผู้จัดจำหน่าย EDIUS ทั่วโลกอธิบายไว้ว่า: "EDIUS X Pro Home Edition มุ่งเป้าไปที่ผู้นำไปใช้งานส่วนตัวเป็นหลัก จึงไม่อนุญาตให้ใช้งานในเชิงพาณิชย์, ไม่มีสิทธิ์อัปเกรดไปเป็น EDIUS เวอร์ชัน 11 ในอนาคต, และให้เปิดใช้งานบนพีซีได้เพียง 1 เครื่องในเวลาเดียวกันเท่านั้น"
EDIUS X Pro มีชื่อเสียงทางด้านประสิทธิภาพและการทำงานที่เสถียรยิ่ง การเรนเดอร์ภาพจะทำงานอยู่เบื้องหลังทำให้กระบวนการทำงานราบรื่น สร้างสรรค์ และแทบไม่มีการหยุดรอ EDIUS รองรับรูปแบบการบันทึกและวิธีการบีบอัดของกล้องล่าสุด มันสามารถผสมภาพจากสื่อต่าง ๆ ทั้งในแง่ของอัตราเฟรมและความละเอียดบนไทม์ไลน์ได้ทันที EDIUS เป็นโปรแกรมที่ซื้อครั้งเดียวแล้วใช้งานได้ตลอด ไม่ต้องจ่ายค่าใช้งานแบบรายปี
EDIUS X Pro Home Edition นำเสนอฟังก์ชันการทำงานเต็มรูปแบบและคุณลักษณะทั้งหมดของเวอร์ชันเต็มปกติ รวมถึงโบนัสปลั๊กอินจาก Acon, ProDAD และ NewBlue เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านเสียง การสร้างไทเทิลและเอฟเฟกต์วิดีโอ นอกจากนี้ยังสามารถอัปเดต EDIUS X 10.xx ที่กำลังจะมีขึ้นทั้งหมดได้อีกด้วย
ที่เว็บไซต์ www.EDIUS.NET มีบทเรียนฟรีมากมายพร้อมคำแนะนำและเคล็ดลับ ข้อมูล การสนับสนุนฟรีต่าง ๆ รวมทั้งซอฟต์แวร์นั้นไม่ได้มีให้บริการเฉพาะในภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังให้บริการในภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และภาษาอื่น ๆ ด้วย
Michael Lehmann-Horn อธิบายว่า: "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตอนนี้เราสามารถนำเสนอ EDIUS X Pro Home Edition ในราคาที่ถูกกว่ารุ่นปกติมากกว่า 50% ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ใช้งานส่วนตัวโดยเฉพาะ" โปรแกรม EDIUS X Pro Home Edition วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่าย EDIUS ทั่วโลก |
โซนี่เปิดตัว กล้อง FS5 II ในงาน NAB 2018
 กล้องที่ใช้เซนเซอร์ใหญ่รุ่นใหม่ของโซนี่กำลังเรียงหน้าออกสู่ตลาด หนึ่งในนั้นคือ FS5 II ที่สนับสนุนความละเอียด 4096 x 2160 4K HDR ในอัตรา 120fps ที่โหมด 60Hz (และ 100fps ที่โหมด 50Hz) จยถึงความสามารถในการทำงานแบบ RAW จัดเป็นกล้องระดับ Super 35 มม. ซึ่งรุ่นใหม่นี้ นอกจากจะให้ภาพที่ยอดเยี่ยมแล้วยังมาพร้อมกับรูปทรงที่เหมาะกับการใช้สอยอีกด้วย
นอกเหนือจากการทำงานแบบ S-Log 2/3 แล้ว FS5 II ยังทำงานแบบ Instant HDR คือถ่ายแล้วใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องแต่งสีใหม่เมื่อใช้งานในโหมด HLG/ BT.2020 เพื่อการผลิตเนื้อหา HDR อย่างรวดเร็ว FS5 II สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ โดยใช้ที่ยึดเลนสส์แบบ E-mount เพื่อความยืดหยุ่นในการทำงานในลักษณะต่าง ๆ เช่นงานโฆษณาทางเว็บ งานผลิตมิวสิควิดีโอ ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์สารคดี และกิจกรรมต่าง ๆ
FS5 II ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตรายการในปัจจุบัน ด้วยรูปลักษณ์ใหม่หมด โทนภาพที่ปรับปรุงขึ้นเพื่องานถ่ายที่เน้นธรรมชาติ การถ่ายภาพบุคคลให้เหมือนจริง สีผิวที่ละเอียดอ่อน มีเสน่ห์ แสดงสีหน้าที่ได้อารมณ์และนุ่มนวลมากขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญที่สะสมมาจากกล้องดิจิทัล VENICE ของโซนี่ FS5 II จึงให้ภาพลักษณ์ที่สดชื่นสดใส ทางเลือกสำหรับสร้างสรรค์งานในขั้นตอนผลิตหลังการถ่ายทำที่หลากหลายอันเนื่องมาจากความสามารถของเซนเซอร์ 4K Super 35 Exmor® CMOS ที่มีประสิทธิภาพสูง
ทากูระ เอ็มมา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Sony Professional Solutions Americas กล่าวว่า "เมื่อ Sony พัฒนาเทคโนโลยีกล้องตัวใหม่ เราจะรวบรวมข้อเสนอแนะจากปลายสุดของห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดตั้งแต่ ผู้กำกับภาพไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต กล้องตัวนี้จึงไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน เราค่อย ๆ วิวัฒน์และพัฒนา FS5 ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากความสามารถในการถ่ายภาพทั่วไป และให้ FS5 II เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากการใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นและทางเลือกที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น"
|
Last Updated on Thursday, 03 May 2018 18:23 |
Read more...
|
|
Grass Valley เปิดตัว EDIUS 9 แบบใบอนุญาตลอย ที่ปรับปรุงส่วนต่อประสานให้ดีขึ้น และสนับสนุนการบูรณาการกับ HDR
มอนทรีออล 19 ตุลาคม 2017 - EDIUS โปรแกรมตัดต่อนอนลิเนียร์จาก Grass Valley ตราสินค้าหนึ่งของ Belden ที่ให้ความสะดวกกับผู้ใช้ในการตัดต่อทุกชนิดอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนการทำงานแบบเวลาจริงกับรูปแบบและความละเอียดที่หลากหลายกว่าโปรแกรมตัดต่อใด ๆ EDIUS จึงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักสร้างสรรค์และผู้ผลิตรายการมืออาชีพทั่วโลก EDIUS 9 เพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ที่ทำงานดียิ่งขึ้นมากมาย โดยจะเปิดจำหน่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2017 เป็นต้นไป โปรแกรมสำเร็จแบบใบอนุญาตลอยที่พร้อมสำหรับงานบนคลาวด์ ออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสถานีโทรทัศน์หรือในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ผู้ใช้ต้องการติดตั้ง EDIUS ลงบนเครื่องหลายเครื่องและให้ทำงานพร้อมกันได้เพียงเพิ่มใบอนุญาตใช้งานตามความจำเป็นเท่านั้น คุณสมบัตินี้ทำให้การใช้ EDIUS 9 เป็นแบบเวิร์กสเตชันเสมือนบนเพลตฟอร์มของระบบคลาวด์หลัก ใบอนุญาตลอยมาพร้อมกับซอฟต์แวร์บริหารสิทธิ์ที่ง่ายต่อการจัดการเพราะใช้กุญแจเพียงตัวเดียวเท่านั้น ความสามารถใหม่บน EDIUS 9 มีดังนี้
- ตัดต่อไฟล์ดิบที่เป็น HDR ได้ทันที
- ส่งออกแบบ HDR เพื่อสนับสนุนการเติบโตเนื้อหา HDR และเสริมความสามารถของ EDIUS ที่มีอยู่ให้ทำงานโดยตรงกับรูปแบบ 4K และ HDR ได้หลายแบบ
- ความสามารถในการผสมเนื้อหา SDR และ HDR ในงานเดียวกันและเลือกนำผลลัพธ์ออกแบบใดแบบหนึ่ง
- สนับสนุนเนื้อหาแบบ HDR จากกล้องมืออาชีพและสมัครเล่นโดยผู้ผลิตรายใหญ่ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้ง HDR จากโดรนและโทรศัพท์มือถือทั้งหลาย
- ปรับปรุงกระแสงาน เช่นการถอดรหัส Cinema Raw Light ของกล้อง Canon EOS C200, การถอดรหัสแฟ้ม Raw ของภาพนิ่ง พร้อมทั้งปรับปรุงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้
- สนับสนุนฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตภายนอกในการนำออกสัญญาญ 4K 50p/60p (เฉพาะรุ่น Workgroup)
- ให้โปรแกรม Mync สำหรับจัดระเบียบสื่อในระบบให้ใช้งานได้โดยสะดวก
"ผู้ใช้ EDIUS เป็นกลุ่มที่มั่นคงมาก เขาจะป้อนกลับข้อมูลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การพัฒนา EDIUS มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น" โบโรมี อัง รองประธาน ฝ่ายการข่าว ของ Grass Valley กล่าว "โครงสร้างใบอนุญาตที่สะดวก, การสนับสนุนรูปแบบที่หลากหลาย, การดาวน์โหลดและติดตั้งที่รวดเร็ว เหล่านี้คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ EDIUS เป็นยิ่งกว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานตัดต่อมืออาชีพ เรารักที่จะดูความแตกต่างทุกอย่างที่ลูกค้าของเราใช้ EDIUS ผลิตงานให้กับผู้ชมของเขา"
ชุดใบอนุญาตลอยจะเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน 2018 สำหรับผู้ซื้อ EDIUS 8 หลังจากวันที่ 1 กันยายน 2017 สามารถขออัปเกรดเป็น EDIUS 9 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ใช้รุ่นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้จะมีชุด Jump Upgrade ให้ในราคาพิเศษ รายละเอียดที่สมบูรณ์จะนำเสนอไว้ในหน้า EDIUS Product บนเว็บไซต์ www.grassvalley.com ในไม่ช้านี้
|
Last Updated on Monday, 02 April 2018 12:02 |
นักตัดต่อมืออาชีพได้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ทางนวัตกรรมในการการอัปเกรดไปสู่ EDIUS 8.3 จาก Grass Valley มอนทรีออล 8 พฤศจิกายน 2016 - Grass Valley ตราสินค้าของ Belden ได้แนะนำ EDIUS Pro และ EDIUS Workgroup รุ่น 8.3 ที่มีคุณสมบัติใหม่หลายอย่างอันจะทำให้การตัดต่อวิดีโอมีประสิทธิผลและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น เช่น ความสามารถสร้างการทำภาพช้าที่มีคุณภาพสูง การเขียนแผ่นดีวีดีและบลูเรย์ที่มีทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งการปรับปรุงการใช้งานใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้ EDIUS Pro และ EDIUS Workgroup 8
"ลูกค้าของเราเลือก EDIUS เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นการลงทุนที่ฉลาดที่จะให้เขาตามทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี" สตีฟ ไวส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ Grass Valley กล่าว "เราได้เพิ่มเติมคุณสมบัติและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการสนองต่อข้อเสนอแนะจากผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าซอฟต์แวร์ของเราจะไม่ตามหลังความต้องการของตลาด โดยผู้ที่ซื้อซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตถาวรในรุ่นหลักเดียวกันจะสามารถอัปเกรดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย การปรับปรุงที่ทำขึ้นเฉพาะ EDIUS Pro 8.3 และ EDIUS Workgroup 8.3 มีดังนี้
- การทำภาพการเคลื่อนไหวช้าที่มีคุณภาพสูงโดยการสอดแทรกการไหลเชิงแสง
- คลิปในถาดบิน สามารถแสดงข้อมูล timecode ได้
- ทางเลือกในการเขียนแผ่นดิสก์แบบดีวีดีและบลูเรย์ที่มากขึ้น
- ไฟล์พร็อกซี่สามารถเลือกความละเอียดได้
- ปรับปรุงเบราว์เซอร์ GV ให้ดีขึ้น
- ปรับปรุงกราฟิกส่วนติดต่อกับผู้ใช้
- สนับสนุนปริภูมิสี F-Log ของ (Fujifilm)
- EDIUS 8 สนับสนุนการทำงานแบบเวลาจริงกับรูปแบบไฟล์และความละเอียดภาพที่มากกว่าคู่แข่ง พร้อมกับตัวเลือกในทางสร้างสรรค์ที่มากขึ้น การตัดต่อไม่ต้องมีการเรนเดอร์ทั้งในรูปแบบ SD, HD, และ แม้แต่ 4K ที่เป็นที่นิยมใช้กัน มันได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อแบบนอนลิเนียร์ที่ทำงานได้หลากหลายและรวดเร็วที่สุดในตลาดปัจจุบัน
|
Last Updated on Monday, 02 April 2018 12:04 |
|
|
|
<< Start < Prev 1 2 3 4 5 6 7 Next > End >>
|
Page 1 of 7 |